Latest topics
ข่าวประชาสัมพันธ์
วัดชัยมงคลฯ ขอเชิญเข้าร่วมโครงการสร้างชุมชนเข้มแข็งและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาพอเพียง >>รายละเอียดธรรมะสว่างใจเรื่องร่วมสร้างชุมชนเข้มแข็งและสังคมคุณธรรม>>รายละเอียด
เชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมทำวัตรเช้า(05.00 น.)-เย็น(20.00 น.)
เพิ่มเติม ข่าวโครงการ ข่าวกิจกรรม
ค้นหา
โยคะคลายเครียด
หน้า 1 จาก 1
โยคะคลายเครียด
โยคะคลายเครียด
ปัจจุบันมีคนสนใจฝึกโยคะกันมากขึ้น จะด้วยตามอย่างความนิยมของเหล่าดารา หรือเพราะใจรักจริงๆ ก็ตาม
โยคะคลายเครียดแต่ เมื่อเริ่มฝึกแล้วจะค่อยๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงของตนเองอย่างชัดเจน อารมณ์นิ่งและสมาธิดีขึ้น สามารถจับรู้การเกร็งคลายของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ได้ไวขึ้น หลังตรง กล้ามเนื้อยืดหยุ่น คลายความปวดเมื่อยโดยไม่ต้องอาศัยหมอนวด ทำให้กลายเป็นแรงจูงใจที่จะฝึกต่อไป
เท่าที่พูดคุยกับคนรักโยคะทั้งหลาย ชวนให้วิเคราะห์ได้ว่าลักษณะการฝึกโยคะจะมีสองแบบ
รูป แบบแรกเป็นการฝึกที่ยึดใจเป็นหลัก ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ฝืนร่างกายจนเกินไป เน้นการทำท่าที่พาให้ใจสบาย ผ่อนคลาย เป็นท่ายืดเหยียดร่างกายให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น เสมือนการนวดดินให้นิ่มก่อนเริ่มปั้น มุ่งจับลมหายใจเข้า-ออก คล้ายการฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
รูปแบบที่สอง เป็นการฝึกที่ผสมผสานการออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ แต่ละท่ามุ่งสร้างความแข็งแรงให้กับอวัยวะส่วนต่างๆ แต่ก็ไม่ทิ้งการจับลมหายใจเข้า-ออก ซึ่งการฝึกในระยะแรกๆ จะทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากกล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงพอ ทำให้รู้สึกเมื่อย แต่ต้องพยายามเบนความสนใจไปจับที่ลมหายใจเพื่อให้ลืมความเมื่อยที่เกิดขึ้น ต่อเมื่อฝึกจนเคยชิน จะรู้สึกสบายในระหว่างการทำท่าต่างๆ และสามารถจับลมหายใจได้ดีขึ้น พร้อมๆ กับรู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่กระชับ แข็งแรง เป็นรูปแบบที่เหมาะกับวัยรุ่น วัยหนุ่มสาวเนื่องจากมีท่วงท่าที่ทำยาก ท้าทายให้เอาชนะสมรรถภาพทางร่างกายของตนเอง ทำแล้วได้เหงื่อไม่แพ้การออกกำลังกายแบบอื่นๆ ช่วยให้วัยรุ่นได้สลายพลังงานส่วนเกิน (surplus energy)ที่มีอยู่เต็มพิกัด
โยคะคลายเครียดอย่าง ไรก็ตาม สุดท้ายหลักของโยคะก็คือ ความรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย และมีสมาธิ ทำให้จัดวางร่างกายในการยืนและนั่งอย่างเป็นธรรมชาติจริงๆ เพราะโดยปกติแล้วคนเรามักนั่ง ยืนฝืนธรรมชาติของกล้ามเนื้อ เช่น นั่งหลังงอ ยืนห่อไหล่ โดยทำจนเคยชิน ซึ่งล้วนเป็นท่าที่ทำให้เราหายใจเข้า-ออกตื้น ทำให้ออกซิเจนไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายได้ไม่ดีนัก แต่ท่าของโยคะจะช่วยจัดกระบวนการหายใจให้อากาศเข้าสู่ร่างกายได้อย่างไหล ลื่น
เมื่อเปรียบเทียบโยคะกับวิธีคลายเครียดทางจิตวิทยา จะพบว่าตรงกับเทคนิคผ่อนคลายกล้ามเนื้อแบบ Muscle Relaxation และ Autogenic Relaxation หรือการผ่อนคลายจากใจสู่กาย ซึ่งการคลายเครียดทั้งสองวิธีเป็นกระบวนการที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทางใจ ที่เกิดจากการเผชิญหน้าปัญหาชีวิตในการฝึกโยคะ ขณะฝึกก็ช่วยให้ผู้ฝึกหยุดคิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องอื่นๆ เพราะถ้าคุณไม่มีสมาธิแล้ว คุณจะไม่สามารถทำท่าต่างๆ ที่ต้องอาศัยการทรงตัวเพื่อสร้างความสมดุลให้กับร่างกายได้เลย
ทั้ง โยคะและเทคนิคการคลายเครียดจะช่วยลดอาการบางอย่างทางกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดหลัง ลดความรู้สึกรุนแรงทางใจ เช่น โกรธและความคับข้องใจ ช่วยเพิ่มสมาธิและเพิ่มความกระฉับกระเฉงทางร่างกาย
ส่วนที่เหมือนกันอย่างมากระหว่างโยคะกับเทคนิคการคลายเครียดแบบต่างๆ ทางจิตวิทยาคือ ทำให้คุณรู้สึกสงบและไวต่อการจับความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
โยคะคลายเครียดมารู้จักวิธีคลายเครียดแบบ Autogenic กันดีกว่า
เจ้าของทฤษฎีและงานวิจัยเกี่ยวกับผลของการคลายเครียดแบบนี้คือ J.H.Schultz และ W.Luthe เป็น วิธีที่มีประโยชน์สำหรับพวกที่มีอาการ psychosomatic disorder คือมีอาการทางกายที่เกิดจากสาเหตุทางจิตใจ จำพวกอาการปวดหัว ปวดท้อง เป็นโรคกระเพาะที่เกิดจากความเครียดนั่นแหละ หลักการคลายเครียดแบบออโตเจนิค คือการพูดกับตัวเอง (Self Talk) หรือสั่งร่างกาย ร่วมกับการใช้จินตนาการและจับไปที่ความรู้สึกของร่างกาย วิธีการคือ คุณอาจจะนอนราบหรือนั่งในท่าที่สบายๆ ก็ได้
ถ้านอนให้ นำหมอนมาหนุนไว้ที่ใต้ข้อพับเข่า แล้วพูดสั่งตัวเอง 6-8 ครั้งว่า “ขาข้างขวาของฉันหนักและอุ่น” การสั่งแต่ละครั้งให้หยุดประมาณ 15 วินาทีก่อนที่จะพูดซ้ำครั้งต่อไป เวลาฝึกให้รู้สึกว่าขาข้างขวาหนักก่อน แล้วค่อยจินตนาการถึงความรู้สึกอุ่นที่ตามมา ต่อจากนั้นสั่งร่างกายของคุณว่า “ขาข้างซ้ายของฉันหนักและอุ่น” “แขนข้างขวาของฉันหนักและอุ่น” “แขนข้างซ้ายของฉันหนักและอุ่น” “หัวใจของฉันเต้นสม่ำเสมอและสงบ” “ร่างกายของฉันรู้สึกผ่อนคลายเป็นอิสระ” “ท้องของฉันอุ่น” “หน้าผากของฉันผ่อนคลาย” “ใจของฉันสงบนิ่ง” “ฉันรู้สึกสงบอย่างเต็มที่”(ประโยคสุดท้ายนี้พูดครั้งเดียว ส่วนประโยคอื่น ๆ ให้พูดประโยคละ 6-8 ครั้ง)
ในขณะที่สั่งตัวเองให้คุณใช้ จินตนาการร่วมไปด้วย เช่น พอบอกให้แขนหนักและอุ่น ให้คุณนึกถึงภาพแขนของคุณจุ่มลงไปในถังน้ำอุ่น หรือนึกถึงการนอนอยู่บนชายหาด แล้วถูกแสงแดดอุ่นๆ ลามเลียลูบไล้ไปทั่วแขน ให้ฝึกวันละสองถึงสามครั้ง ฝึกติดต่อกันสองสัปดาห์ คุณจะรู้สึกถึงความก้าวหน้า ร่างกายจะตอบสนองคำสั่งของคุณเร็วขึ้น ถ้าฝึกต่อไปจนครบ 21 วัน ร่างกายของคุณจะให้ความร่วมมือในสิ่งที่สมองสั่งการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อใดที่คุณเครียดจนเกร็งตามหลังไหล่ หรือช่องท้องเกร็งเขม็ง คุณก็จะสามารถสั่งร่างกายให้ผ่อนคลายได้อย่างรวดเร็ว
วิธีการฝึกมี หลายแบบ คุณอาจจะฝึกสั่งร่างกายทีละส่วนก็ได้ เช่น ฝึกสั่งแขนซ้ายให้หนักและอุ่น โดยฝึกเฉพาะแขนซ้ายสักสามวัน แล้วค่อยย้ายไปฝึกแขนข้างขวา ฝึกสั่งแขนทั้งสองข้างให้หนักและอุ่นอีกสามวัน ฝึกขาข้างขวาสามวัน ขาข้างซ้ายสามวัน ฝึกสั่งขาทั้งสองข้างพร้อมๆ กันสามวัน ไล่ไปเรื่อย ๆ
ทั้ง การคลายเครียดแบบออโตเจนิคและโยคะ ต่างก็เป็นทักษะที่ต้องฝึก อาศัยความอดทนและความสม่ำเสมอ ถ้าไม่ลงมือทำก็คงไม่ได้อะไรดี ๆ สำหรับตัวเองหรอก ทุกคนย่อมต้องมีก้าวแรกสำหรับตนเองกันทั้งนั้น
: อมรากุล อินโอชานนท์
sanook.com
ปัจจุบันมีคนสนใจฝึกโยคะกันมากขึ้น จะด้วยตามอย่างความนิยมของเหล่าดารา หรือเพราะใจรักจริงๆ ก็ตาม
โยคะคลายเครียดแต่ เมื่อเริ่มฝึกแล้วจะค่อยๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงของตนเองอย่างชัดเจน อารมณ์นิ่งและสมาธิดีขึ้น สามารถจับรู้การเกร็งคลายของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ได้ไวขึ้น หลังตรง กล้ามเนื้อยืดหยุ่น คลายความปวดเมื่อยโดยไม่ต้องอาศัยหมอนวด ทำให้กลายเป็นแรงจูงใจที่จะฝึกต่อไป
เท่าที่พูดคุยกับคนรักโยคะทั้งหลาย ชวนให้วิเคราะห์ได้ว่าลักษณะการฝึกโยคะจะมีสองแบบ
รูป แบบแรกเป็นการฝึกที่ยึดใจเป็นหลัก ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ฝืนร่างกายจนเกินไป เน้นการทำท่าที่พาให้ใจสบาย ผ่อนคลาย เป็นท่ายืดเหยียดร่างกายให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น เสมือนการนวดดินให้นิ่มก่อนเริ่มปั้น มุ่งจับลมหายใจเข้า-ออก คล้ายการฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
รูปแบบที่สอง เป็นการฝึกที่ผสมผสานการออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ แต่ละท่ามุ่งสร้างความแข็งแรงให้กับอวัยวะส่วนต่างๆ แต่ก็ไม่ทิ้งการจับลมหายใจเข้า-ออก ซึ่งการฝึกในระยะแรกๆ จะทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากกล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงพอ ทำให้รู้สึกเมื่อย แต่ต้องพยายามเบนความสนใจไปจับที่ลมหายใจเพื่อให้ลืมความเมื่อยที่เกิดขึ้น ต่อเมื่อฝึกจนเคยชิน จะรู้สึกสบายในระหว่างการทำท่าต่างๆ และสามารถจับลมหายใจได้ดีขึ้น พร้อมๆ กับรู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่กระชับ แข็งแรง เป็นรูปแบบที่เหมาะกับวัยรุ่น วัยหนุ่มสาวเนื่องจากมีท่วงท่าที่ทำยาก ท้าทายให้เอาชนะสมรรถภาพทางร่างกายของตนเอง ทำแล้วได้เหงื่อไม่แพ้การออกกำลังกายแบบอื่นๆ ช่วยให้วัยรุ่นได้สลายพลังงานส่วนเกิน (surplus energy)ที่มีอยู่เต็มพิกัด
โยคะคลายเครียดอย่าง ไรก็ตาม สุดท้ายหลักของโยคะก็คือ ความรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย และมีสมาธิ ทำให้จัดวางร่างกายในการยืนและนั่งอย่างเป็นธรรมชาติจริงๆ เพราะโดยปกติแล้วคนเรามักนั่ง ยืนฝืนธรรมชาติของกล้ามเนื้อ เช่น นั่งหลังงอ ยืนห่อไหล่ โดยทำจนเคยชิน ซึ่งล้วนเป็นท่าที่ทำให้เราหายใจเข้า-ออกตื้น ทำให้ออกซิเจนไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายได้ไม่ดีนัก แต่ท่าของโยคะจะช่วยจัดกระบวนการหายใจให้อากาศเข้าสู่ร่างกายได้อย่างไหล ลื่น
เมื่อเปรียบเทียบโยคะกับวิธีคลายเครียดทางจิตวิทยา จะพบว่าตรงกับเทคนิคผ่อนคลายกล้ามเนื้อแบบ Muscle Relaxation และ Autogenic Relaxation หรือการผ่อนคลายจากใจสู่กาย ซึ่งการคลายเครียดทั้งสองวิธีเป็นกระบวนการที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทางใจ ที่เกิดจากการเผชิญหน้าปัญหาชีวิตในการฝึกโยคะ ขณะฝึกก็ช่วยให้ผู้ฝึกหยุดคิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องอื่นๆ เพราะถ้าคุณไม่มีสมาธิแล้ว คุณจะไม่สามารถทำท่าต่างๆ ที่ต้องอาศัยการทรงตัวเพื่อสร้างความสมดุลให้กับร่างกายได้เลย
ทั้ง โยคะและเทคนิคการคลายเครียดจะช่วยลดอาการบางอย่างทางกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดหลัง ลดความรู้สึกรุนแรงทางใจ เช่น โกรธและความคับข้องใจ ช่วยเพิ่มสมาธิและเพิ่มความกระฉับกระเฉงทางร่างกาย
ส่วนที่เหมือนกันอย่างมากระหว่างโยคะกับเทคนิคการคลายเครียดแบบต่างๆ ทางจิตวิทยาคือ ทำให้คุณรู้สึกสงบและไวต่อการจับความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
โยคะคลายเครียดมารู้จักวิธีคลายเครียดแบบ Autogenic กันดีกว่า
เจ้าของทฤษฎีและงานวิจัยเกี่ยวกับผลของการคลายเครียดแบบนี้คือ J.H.Schultz และ W.Luthe เป็น วิธีที่มีประโยชน์สำหรับพวกที่มีอาการ psychosomatic disorder คือมีอาการทางกายที่เกิดจากสาเหตุทางจิตใจ จำพวกอาการปวดหัว ปวดท้อง เป็นโรคกระเพาะที่เกิดจากความเครียดนั่นแหละ หลักการคลายเครียดแบบออโตเจนิค คือการพูดกับตัวเอง (Self Talk) หรือสั่งร่างกาย ร่วมกับการใช้จินตนาการและจับไปที่ความรู้สึกของร่างกาย วิธีการคือ คุณอาจจะนอนราบหรือนั่งในท่าที่สบายๆ ก็ได้
ถ้านอนให้ นำหมอนมาหนุนไว้ที่ใต้ข้อพับเข่า แล้วพูดสั่งตัวเอง 6-8 ครั้งว่า “ขาข้างขวาของฉันหนักและอุ่น” การสั่งแต่ละครั้งให้หยุดประมาณ 15 วินาทีก่อนที่จะพูดซ้ำครั้งต่อไป เวลาฝึกให้รู้สึกว่าขาข้างขวาหนักก่อน แล้วค่อยจินตนาการถึงความรู้สึกอุ่นที่ตามมา ต่อจากนั้นสั่งร่างกายของคุณว่า “ขาข้างซ้ายของฉันหนักและอุ่น” “แขนข้างขวาของฉันหนักและอุ่น” “แขนข้างซ้ายของฉันหนักและอุ่น” “หัวใจของฉันเต้นสม่ำเสมอและสงบ” “ร่างกายของฉันรู้สึกผ่อนคลายเป็นอิสระ” “ท้องของฉันอุ่น” “หน้าผากของฉันผ่อนคลาย” “ใจของฉันสงบนิ่ง” “ฉันรู้สึกสงบอย่างเต็มที่”(ประโยคสุดท้ายนี้พูดครั้งเดียว ส่วนประโยคอื่น ๆ ให้พูดประโยคละ 6-8 ครั้ง)
ในขณะที่สั่งตัวเองให้คุณใช้ จินตนาการร่วมไปด้วย เช่น พอบอกให้แขนหนักและอุ่น ให้คุณนึกถึงภาพแขนของคุณจุ่มลงไปในถังน้ำอุ่น หรือนึกถึงการนอนอยู่บนชายหาด แล้วถูกแสงแดดอุ่นๆ ลามเลียลูบไล้ไปทั่วแขน ให้ฝึกวันละสองถึงสามครั้ง ฝึกติดต่อกันสองสัปดาห์ คุณจะรู้สึกถึงความก้าวหน้า ร่างกายจะตอบสนองคำสั่งของคุณเร็วขึ้น ถ้าฝึกต่อไปจนครบ 21 วัน ร่างกายของคุณจะให้ความร่วมมือในสิ่งที่สมองสั่งการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อใดที่คุณเครียดจนเกร็งตามหลังไหล่ หรือช่องท้องเกร็งเขม็ง คุณก็จะสามารถสั่งร่างกายให้ผ่อนคลายได้อย่างรวดเร็ว
วิธีการฝึกมี หลายแบบ คุณอาจจะฝึกสั่งร่างกายทีละส่วนก็ได้ เช่น ฝึกสั่งแขนซ้ายให้หนักและอุ่น โดยฝึกเฉพาะแขนซ้ายสักสามวัน แล้วค่อยย้ายไปฝึกแขนข้างขวา ฝึกสั่งแขนทั้งสองข้างให้หนักและอุ่นอีกสามวัน ฝึกขาข้างขวาสามวัน ขาข้างซ้ายสามวัน ฝึกสั่งขาทั้งสองข้างพร้อมๆ กันสามวัน ไล่ไปเรื่อย ๆ
ทั้ง การคลายเครียดแบบออโตเจนิคและโยคะ ต่างก็เป็นทักษะที่ต้องฝึก อาศัยความอดทนและความสม่ำเสมอ ถ้าไม่ลงมือทำก็คงไม่ได้อะไรดี ๆ สำหรับตัวเองหรอก ทุกคนย่อมต้องมีก้าวแรกสำหรับตนเองกันทั้งนั้น
: อมรากุล อินโอชานนท์
sanook.com
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Wed Apr 24, 2013 3:49 pm by ratmaw
» โครงการพลังงานทดแทน จักนยานปั่นไฟ
Thu Jun 02, 2011 6:54 am by Dorenatt
» อยากทราบเรื่องใส้เดือนครับ
Mon Mar 07, 2011 7:41 pm by chaimongkol
» งานยกฉัตรเจดีย์และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ พระธาตุ
Tue Aug 04, 2009 9:31 pm by chaimongkol
» พุทธสุภาษิตวันนี้
Tue Jul 21, 2009 7:25 pm by chaimongkol
» สิ่งที่ไม่ควรทำหลังทานอาหารอิ่ม!
Mon Jul 20, 2009 2:28 am by chaimongkol
» พิธีเข้ารุกขมูล(เข้ากรรม)26 ธ.ค.51-2 ม.ค.52
Sun Jul 19, 2009 9:12 pm by chaimongkol
» ปุ๋ยอินทรีย์--ปุ๋ยมูลไส้เดือน
Sun Jul 19, 2009 7:56 pm by chaimongkol
» บ้านกำนัน ตำบลไหล่หิน
Sun Jul 19, 2009 12:04 am by chaimongkol
» โครงการสร้างชุมชนเข้มแข็งและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
Sat Jul 18, 2009 7:26 pm by chaimongkol